การอนุรักษ์ บูรณะและพัฒนาแหล่งโบราณวัตถุสถานที่สำคัญของชาติ ได้มีการดำเนินการเป็นลำดับ ในความรับผิดชอบของกรมศิลปากร อย่างไรก็ตามความต่อเนื่องจริงจังอย่างเห็นได้ชัดนั้นเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๙๙ เริ่มตั้งแต่การขุดแต่ง บูรณะ ขึ้นทะเบียนโบราณสถาน จนถึงประกาศเป็นเขตอุทยานประวัติศาสตร์ ซึ่งเริ่มที่จังหวัดอยุธยาก่อน แล้วจึงแพร่ขยายออกไปทั่วประเทศ จนถึงปี พ.ศ. ๒๕๒๔ ได้มีโครงการอุทยานประวัติศาสตร์ ตามแหล่งโบราณสถานที่สำคัญๆ ทั่วประเทศ รวม ๙ แห่ง ด้วยกัน คือ

๑. อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย
๒. อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย
๓. อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร
๔. อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ
๕. อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย
๖. อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง
๗. อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์
๘. อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
๙. อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี |
|
|
พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ปฐมกษัตริยราชวงศ์พระร่วงได้สถาปนาอาณาจักรสุโขทัย อันมีกรุงสุโขทัยเป็นราชธานีขึ้น เมื่อปี พ.ศ. ๑๘๐๐ และได้สืบสันตติวงศ์ต่อมาอีก ๕ พระองค์ คือ พ่อขุนบาลเมือง พ่อขุนรามคำแหงมหาราช พญาเลอไทย พญาลิไทย พญาไสลือไทย จนถึงปี พ.ศ. ๑๙๒๑ จากนั้นกรุงสุโขทัยก็ตกเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรศรีอยุธยา กษัตริย์ราชวงศ์พระร่วงอีก ๒ พระองค์ จึงอยู่ในฐานะเป็นเจ้าเมืองขึ้น ภายในเมืองสุโขทัยประกอบด้วยส่วนที่เป็นพระราชวัง และศาสนสถานที่สำคัญ ๆ มีคูเมืองและกำแพงเมืองล้อมรอบเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส นอกกำแพงเมืองออกไปโดยรอบทั้งสี่ด้าน มีโบราณสถานต่าง ๆ ตั้งอยู่อีกเป็นจำนวนมาก รวมพื้นที่ที่ครอบคลุมโบราณสถานของเมืองสุโขทัยทั้งหมด มีประมาณ ๔๐,๐๐๐ ไร่

บรรดาศิลปกรรมและสถาบัตยกรรมอันงามสง่าของเมืองสุโขทัย แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองทั้งด้านวัตถุและด้านจิตใจ อย่างไม่มีอาณาจักรใดในสุวรรณภูมิในยุคนั้นมาเทียบเทียมได้ นับเป็นมรดกอันล้ำค่าของไทยที่มีค่าควรแก่ความภาคภูมิใจของชาวไทยและแก่มนุษยชาติ องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ตระหนักถึงคุณค่าดังกล่าว จึงได้ประกาศให้อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยเป็น "มรดกโลก" เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๕
พ่อขุนรามคำแหงมหาราชได้ทรงอาราธนา พระภิกษุสงฆ์จากนครศรีธรรมราชเข้ามาจำพรรษา ณ กรุงสุโขทัย เพื่อเผยแพร่พุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทแบบลังกาวงศ์ ในอาณาจักรสุโขทัย
ในสมัยสุโขทัยนิยมสร้างพระมหาธาตุเจดีย์ เป็นประธานของพุทธสถาน ด้านหน้ามีวิหารโถง สร้างติดกันไว้เรียกว่าวิหารหลวง ลักษณะทางสถาบัตยกรรมของยุคนี้คือ รูปแบบของเจดีย์จะมียอดทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ หรือทรงดอกบัวตูม |
|
|
|
เมืองศรีสัชนาลัยเป็นเมืองเก่า รุ่นราวคราวเดียวกับกรุงสุโขทัย มีศักดิ์เป็นเมืองลูกหลวงของอาณาจักรสุโขทัย ตัวเมืองตั้งอยู่บนฝั่งขวาของแม่น้ำยมตรงแก่งหลวง เดิมชื่อเมืองชะเลียง ซึ่งอยู่ใต้เมืองศรีสัชนาลัยลงไปเล็กน้อย บริเวณที่ตั้งวัดมหาธาตุในปัจจุบัน ชื่อเมืองชะเลียงนี้ ปรากฎครั้งแรกในศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแห่งมหาราชเมื่อปี พ.ศ. ๑๘๓๕ สันนิษฐานว่าเมืองชะเลียงนี้มีอายุอยู่ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๖ ต่อมาในพุทธศตวรรษที่ ๑๙ จึงได้มาสร้างเมืองศรีสัชนาลัย ณ บริเวณที่ตั้งปัจจุบัน ในศิลาจารึกมักจะเรียกรวมกันว่าเมืองศรีสัชนาลัยสุโขทัย
เมืองศรีสัชนาลัยเสื่อมลงประมาณปี พ.ศ. ๑๙๔๖ ครั้นล่วงมาถึงปี พ.ศ. ๒๐๑๗ ชื่อเมืองนี้ก็ได้หายไปจากพงศาวดาร และในสมัยกรุงศรีอยุธยาได้เรียกเมืองนี้ว่าสวรรคโลก
เมืองศรีสัชนาลัยเป็นเมือง ๓ ชั้น มีกำแพงล้อมรอบ ชั้นในสุดก่อด้วยศิลาแลง กำแพงชั้นกลางและชั้นนอกเป็นกำแพงดิน บรรดาโบราณสถานต่าง ๆ ตั้งอยู่กระจัดกระจายทั่วไปในกำแพงเมืองและนอกกำแพงเมือง วัดพระศรีมหาธาตุ
วัดนี้ชาวบ้านเรียกว่าวัดพระปรางค์ เนื่องจากมีพระปรางค์องค์ใหญ่สร้างด้วยศิลาแลง มีฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส บริเวณนี้เป็นที่ตั้งของตัวเมืองเก่าศรีสัชนาลัย
วัดช้างล้อม
เป็นวัดใหญ่และสำคัญของเมืองศรีสัชนาลัย มีเจดีย์ทรงลังกาองค์ใหญ่เป็นหลักของวัด ที่ฐานเจดีย์มีช้างปูนปั้นประดับรายล้อมอยู่โดยรอบมีทั้งหมด ๓๙ เชือก สันนิษฐานว่าพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ทรงสร้างวัดนี้ วัดเจดีย์เจ็ดแถว
อยู่ตรงข้ามกับวัดช้างล้อม นับเป็นวัดใหญ่อีกวัดหนึ่งของเมืองศรีสัชนาลัย มีกำแพงศิลาแลงล้อมอยู่โดยรอบ มีพระเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ตั้งอยู่บริเวณกลางวัด รอบเจดีย์องค์นี้มีเจดีย์ใหญ่น้อยประดับซุ้มพระแบบต่าง ๆ อีก ๓๓ องค์ เป็นภาพที่น่าชมอย่างยิ่ง
วัดสวนแก้วอุทยานใหญ่
ตั้งอยู่ไม่ไกลจากวัดเจดีย์เจ็ดแถว มีกำแพงศิลาแลงล้อมรอบ มีเจดีย์ทรงลังกาตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมจตุรัส ซึ่งแปลกตาไปจากเจดีย์ทรงลังกาโดยทั่วไป
วัดสวนแก้วอุทยานน้อย เรียกกันว่าวัดสระแก้ว มีพระเจดีย์รูปทรงข้าวบิณฑ์เป็นหลักของวัด ด้านหน้ามีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูป ทางด้านทิศตะวันตกมีสระน้ำอยู่สระหนึ่ง สันนิษฐานว่าวัดนี้คือ วัดแก้วราชประดิษฐาน ซึ่งมีกล่าวถึงในพงศาวดารเมืองเหนือ วัดนางพญา เป็นวัดที่มีลายปูนปั้นงดงามมาก มีพระเจดีย์ทรงลังกาเป็นหลักของวัด มีซากฐานโบสถ์และวิหาร ๑ ห้อง ซึ่งยังเหลือผนังด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนืออยู่ด้านหนึ่ง บนผนังนี้มีลายปูนปั้นที่งดงามดังกล่าว วัดเขาพนมเพลิง เขาพนมเพลิงเป็นภูเขาลูกเดียวที่ตั้งอยู่ในตัวเมืองศรีสัชนาลัย บนยอดเขาลูกนี้มีวัดอยู่สองวัดสำหรับวัดเขาพนมเพลิง เราจะแลเห็นพระเจดีย์ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขา ด้านหลังมีซุ้มพระชาวบ้านเรียกว่า ศาลเจ้าแม่ละอองสำลี เป็นที่เคารพนับถือของชาวเมือง |
|
|
|
ชาวต่างประเทศที่ได้มาเห็นอยุธยาในครั้งนั้นได้เขียนเรื่องเกี่ยวกับพระราชวังไว้เมื่อปี พ.ศ.๒๒๓๓ พอประมวลได้ดังนี้ ในอยุธยาสมัยนั้นมีพระราชวังอยู่ ๓ แห่ง คือ แห่งแรกพระราชวังที่พระเจ้าแผ่นดินองค์ก่อนทรงสร้างไว้ ตั้งอยู่ค่อนไปทางกลางพระนคร ประกอบด้วยพื้นที่สี่เหลี่ยมใหญ่, ปันเป็นส่วน, มีตำหนักเป็นอันมาก ทำเป็นหลังคาหลายชั้นตามแบบสถาปัตยกรรมจีน ด้านหน้าปิดทองตลอด ภายในกำแพงพระราชวัง และภายนอกมีโรงช้างยาวเหยียด มีช้างผูกเครื่องลายวิจิตรอยู่ร้อยกว่าเชือก พระราชวังแห่งที่สอง เรียกว่า วังหลวง อยู่ด้านตะวันออกเฉียงเหนือของตัวเมือง พื้นที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมเหมือนกัน แต่ไม่ใหญ่เท่าพระราชวังแห่งแรก เดิมเป็นที่ประทับของพระเจ้าแผ่นดินองค์ก่อน แต่ในขณะนั้นให้เป็นที่ประทับของพระมหาอุปราช ส่วนพระราชวังแห่งที่ ๓ เล็กกว่าสองแห่งที่กล่าวแล้ว เป็นที่อยู่ของเจ้ากรมช้างต้น มีเจ้าในราชวงศ์ประทับอยู่ องค์หนึ่งเป็นเจ้ากรมช้างต้น เป็นควาญ และผู้จัดแจงช้างต้นสำหรับพระเจ้าแผ่นดิน
没有评论:
发表评论